คอลัมน์ ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ป่วงประชา: ‘ลุงเล็ก’ ต้นแบบเกษตรอินทรีย์ ยึดหลักเดินตามวิถีเกษตรทฤษฎีใหม่ฯ

สยามรัฐ ฉบับวันที่ 05 มีนาคม พ.ศ. 2561
เสกสรร สิทธาคม
seksan2493@yahoo.com
กว่าพื้นที่ 50 ไร่ ของนายเล็ก พวงต้นวัย71 ปี ต้นแบบเกษตรอินทรีย์ตัวจริง ทำเกษตรไร่นาสวนผสมลดการใช้สารเคมี ด้วยการหันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ จนที่สุดเป็นอินทรีย์เต็มรูปแบบทำได้ไม่มีขาดทุน ต้องใช้เวลาพอสมควรด้วยเพราะมุ่งมั่นเดินตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร น้อมนำพระราชดำรัสมาประยุกต์อย่างจริงจัง “อย่าใจร้อน” จนประสบผลนำพาชีวิตกลับสู่ภาวะความสุขไม่อดอยากขาดแคลน หมดหนี้สิน แล้วยังได้เกื้อกูลคนอื่นได้อีกด้วยเกิดผลเป็นรูปธรรมแท้จริงในวันนี้
วันนี้นายเล็กคือประธานศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จังหวัดปทุมธานีอดีตผู้ใหญ่บ้านชุมชนหมู่ 7 บึงกาสาม เกษตรกรต้นแบบอินทรีย์ชาวจังหวัดปทุมธานีเพราะเดินตามรอยเท้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยหลักเกษตรทฤษฎีใหม่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
นายเล็ก ทองต้นเล่าว่ากว่า 10 ปี บนเส้นทางเกษตรอินทรีย์ตนเองคิดเสมอว่า”ทำอย่างไรก็ได้ให้มีรายได้พอกินพอใช้ ไม่สร้างหนี้มีเงินใช้เหมือนตอนที่รับเงินเดือนของข้าราชการ” โดยแรงบันดาลใจของตนเอง คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พ่อของคนไทยทั้งแผ่นดิน เมื่อครั้งได้เดินทางไปดูงานในโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ นำศาสตร์พระราชามาเป็นจุดเริ่มต้นในการบริหารจัดการประยุกต์พื้นที่ 50 ไร่ ให้กลายเป็นไร่นาสวนผสมเส้นทางของการเริ่มต้น โดยเดินตามพระราชดำริ
เกษตรทฤษฎีใหม่ สะกิดความคิดว่า”ชาวนาจะปลูกข้าวอย่างเดียวไม่ได้”อายุข้าวกว่าจะเกี่ยวต้องใช้เวลาประมาณ105วัน จึงได้ปรับพื้นที่ 50 ไร่ เป็นทำนา 10 ไร่ ปาล์ม 40 ไร่ ปลูกกล้วยแซมในสวนปาล์ม เลี้ยงไก่ไข่ 50 ตัว สร้างแหล่งน้ำเลี้ยงปลา โดยปาล์มตัด2 ครั้ง/เดือน 24 ครั้ง/ปีกล้วยน้ำว้าตัด 2 ครั้ง/เดือน ข้าวเกี่ยว 2 ครั้ง/ปี
“ในการทำนาจะไม่ใช้สารเคมี นำเกษตรอินทรีย์เข้ามาใช้แรกๆ ที่ทำอาจจะเห็นผลช้า แต่ดีกับธรรมชาติเรียนรู้บนเส้นทางของเกษตรพอเพียง ค้นสูตรปุ๋ยชีวภาพเอง ผสมโน่มผสมนั่นศึกษาหาข้อมูล พยายามหาข้อมูลตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาข้อมูลมาปรับใช้ในพื้นที่ของตัวเองก่อนจนเกิดผลตามที่ในหลวงทรงแนะไว้เลย จากนั้นก็ขยายผลไปในชุมชน ส่วนหนึ่งคือการหาข้อมูลจากทางคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) มีการนำชีวภาพมาใช้ ผมจึงได้ทำเรื่องไปที่ มทร.ธัญบุรี อาจารย์และทีมงานลงพื้นที่สำรวจ และเข้ามาทำการวิจัยและทำการทดลองนวัตกรรมชีวภาพจากความหลากหลายทางชีวภาพเชื้อราปฏิปักษ์(หัวเชื้อจุลินทรีย์นาโน) มาใช้ในนาข้าว ปาล์ม และได้เข้ามาบริการองค์ความรู้ให้กับศูนย์อีกด้วย”
นายเล็กบอกว่าความแตกต่างของการใช้สารเคมี และสารชีวภาพ สำหรับการทำนาข้าวจากที่ลงทุน 5,000 บาท/ไร่ เหลือเพียง 1,700-2,200 บาท/ไร่ ได้ปริมาณข้าวเปลือก 1 ไร่/1 ตันเม็ดข้าวมีคุณภาพดีไม่ลีบแบน เพิ่มการแปรรูปข้าวเปลือก เป็นข้าวขาวเพิ่มรายได้ ซึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ต.บึงกาสาม มีเครื่องสีข้าว ก็ได้นำข้าวที่ได้มาสีเพื่อนำไปขาย โดยชาวบ้านในชุมชนนำข้าวเปลือกมาสี คิดกิโลกรัมละ 2 บาท ข้าวเปลือกสีเป็นข้าวขาวเพิ่มรายได้จาก 8,500 เป็น35,000 บาทต่อเกวียนและที่สำคัญเมื่อมีรายได้หรือมีค่าใช้จ่ายมาแต่ละครั้ง ต้องมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ชัดเจนแน่นอน เมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาดูงานที่จังหวัดปทุมธานี ได้มีโอกาสนำผลผลิตข้าวหอมปทุมธานีของศูนย์ไปเป็นของขวัญนายกรัฐมนตรีถามว่าข้าวมาจากไหน ได้ตอบท่านว่า”ข้าวหอมปทุมธานีมาจากโครงการ ศพก.ของท่านนายกฯและได้ทาง มทร.ธัญบุรี มาดูแลและให้การช่วยเหลือ”โดยท่านนายกฯ ยังชื่นชมและให้เกษตรกร ดูตนเองเป็นตัวอย่าง
“ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าราคาสินค้าเกษตรจะเป็นอย่างไรอยากให้เกษตรลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด หันมาใช้เกษตรอินทรีย์ลดการใช้สารเคมี ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเป็นชุมชนต้นแบบอินทรีย์ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยทางหมู่ 7 บึงกาสามได้รับการันตี เช่น เมื่อปี 2553 ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงฯ เมื่อปี 2556 ศูนย์การเรียนรู้ดีเด่น จากกรมส่งเสริมการเกษตร และทางชุมชนยังเข้าร่วมโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนหมู่ 7 บึงกาสาม จังหวัดปทุมธานีแบบมีส่วนร่วมเฉลิมพระเกียรติ60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรีก็ต้องขอขอบคุณ ทางมหาวิทยาลัยด้วยที่ได้สร้างองค์ความรู้รวมไปถึงอาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือ” ลุงเล็กหนึ่งในตัวอย่างเกษตรอินทรีย์ต้นแบบเพราะน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพการดำเนินชีวิตเดินตามรอยหลักปรัชญาแบบพอเพียงฯ บอกและว่าวันนี้ถึงแม้ว่าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจบ้าง ราคาของสินค้าเกษตรจะผกผันอย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลุงแต่อย่างใด
ชลธิชา ศรีอุบล มทร.ธัญบุรี / ข้อมูล

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]