ว่าที่บัณฑิต “จิณจุฑา จุ่นวาที” ในวันที่ความฝันเป็นจริง

          “อย่างมากหนูก็ได้แค่ขายลอตเตอรี่ หรือไม่ก็ขอทาน”
คำพูดที่บาดลึกถึงขั้วหัวใจ ออกมาจากปากคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “คุณครู” พูดกับเด็กตัวเล็กๆ ที่เกิดมาไม่สมประกอบ เป็นโรคกระดูกเปราะหักง่าย พิการแต่กำเนิด แม่ทอดทิ้ง ตั้งแต่แรกเกิด มีเพียง “นางขนิษฐา เมือบศรี” หมอนวดแผนไทยใจบุญรับอุปการะเลี้ยงดูในฐานะ “แม่บุญธรรม”
ความไม่ตั้งใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมียน้อย” เมื่อตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จึงใช้ยาขับเลือดเพื่อยุติการตั้งครรภ์ แต่ยาขับเลือดไม่สามารถปลิดหนึ่งชีวิตที่ไร้เดียงสา ทารกน้อยจึงมีโอกาสลืมตาดูโลก นาทีแรกที่รู้ว่าลูกที่คลอดออกมา “พิการ” คนที่ขึ้นชื่อว่า “แม่” ไม่ต้องการ ทิ้งทารกหญิงไว้กับ “พ่อ” ที่เป็นหลานเขยของ “แม่บุญธรรม”

          ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ของ “ด.ญ.จ๊ะจ๋า จิณจุฑา จุ่นวาที” เมื่อายุได้ 5 ขวบ แม่บุญธรรมพาไปสมัครเรียน แต่ไม่มีโรงเรียนไหนรับ จนกระทั่ง ร.ร.มีนประสาทวิทยา รับเข้าเรียนชั้น ป.1 เรียนได้ 1 เดือน เกิดอุบัติเหตุ จึงต้องย้ายมา “ร.ร.ทองสัมฤทธิ์” และ “ร.ร.สุเหร่าทับช้าง” ในเวลาต่อมา เรียกได้ว่าเรียนป.1 ย้ายถึงโรงเรียน 3 แห่ง เมื่อเรียนชั้น ป.3 เข้าเรียนที่ “ร.ร.ศรีสังวาลย์” ในมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนถึงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 โดยแม่มาเช่าหอพักติดโรงเรียนเพื่อคอยดูแล
หลังจากเรียนจบชั้น ม.3 ได้เข้าเรียน ที่ “ร.ร.ปากเกร็ด” เรียนรวมกับเพื่อนปกติ โชคดีที่ได้เพื่อนๆ และคุณครูช่วยดูแล จนจบชั้นม.6 และสอบตรงเข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เพื่อตามหาความฝัน
“หนูฝันอยากเป็นนักข่าว ตอนเด็กๆ มีโอกาสออกสื่อตอน 5 ขวบ รายการเจาะใจ (ทำให้มีคนเข้ามารับอุปถัมภ์ คือคุณสุภา ผึ้งสุข เป็นฝ่ายกฎหมายของบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน) ได้เห็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อมวลชน ได้เห็นเครื่องมืออุปกรณ์ จึงอยากทำงานสายงานนี้ และที่สำคัญอยากเป็น  “นักข่าว” มาก แต่ร่างกายไม่อำนวย จึงเลือกเรียนสาขาที่ใกล้เคียงคือสาขาการตลาด” น.ส.จิณจุฑา ย้อนอดีตแววตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่า คำพูดของ “คุณครู” ในอดีตยังก้องในโสตประสาท แม้คำพูดดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อการดำเนินชีวิต ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ “จ๊ะจ๋า” ต้องสู้ๆ เมื่อปี 2555 “จ๊ะจ๋า” คว้าตำแหน่ง รองอันดับ 2 มิสวีลแชร์ไทยแลนด์ 2012 และปัจจุบันกำลังจะสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการวิชาตลาด
ทว่า ความผิดปกติของร่างกาย ทำให้ “จ๊ะจ๋า” ต้องเข้ารับการผ่าตัดบ่อยครั้ง  “ผ่าจนชิน ผ่าตัดเป็นครั้งที่ 24 ความโชคร้ายที่เกิดมาแบบนี้ แต่ความโชคดีคือความรักของแม่ ความรักที่ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว ความรักที่ไม่ใช่สายเลือด ความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน หรือแค่อาจจะมีใครสักคนเป็นเสียงหัวเราะ และความสุขของใครอีกคน แค่นั้นก็อาจจะพอแล้ว หนูกับแม่ลำบากกันมากแค่ไหน อดมื้อกินมื้อกันมานานเท่าไหร่ มีแค่เราสองคนที่รู้และเข้าใจความรู้สึกนั้น”
กว่า 22 ปี ที่แม่บุญธรรมยึดอาชีพหมอนวดแผนโบราณเลี้ยงดู  ภาพในความทรงจำตอนเด็กเวลาแม่ไปนวดที่ไหน “จ๊ะจ๋า” ไปด้วย มีสมุดวาดรูปให้เล่มหนึ่ง เพื่อไม่ให้รบกวนแม่ทำงาน ปัจจุบันแม่เลิกอาชีพหมอนวดแผนโบราณแล้ว มาเปิดร้านขายของกิฟท์ช็อป (กระเป๋าเอกสาร กระเป๋าใส่ของ) ที่ตลาดนัด Rmutt walking street ทุกวันอังคารpวันพฤหัสบดี เวลาตั้งแต่ 16.00- 22.00 น. และสามารถสั่งได้ทางทวิตเตอร์ @Thejajahshop
แม้ขายของออนไลน์ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่ “จ๊ะจ๋า” มีผลการเรียนดี ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 2.5 วันนี้กำลังจะจบปริญญาตรี “แม่พาหนูมาไกลมากๆ จากนี้มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจากนี้จะเป็นอย่างไร จะเจ็บ จะป่วย จะเหนื่อย หนูพร้อมแล้ว แค่มีแม่และทุกคนข้างหนูก็พอ แม่ไม่ต้องทำงาน หนูหาเลี้ยงแม่เอง”
“จ๊ะจ๋า” ต้องนั่งวีลแชร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ปัจจุบันเธอกลายเป็น “ว่าที่บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี” เดือนพฤศจิกายน 2560 นี้ เธอจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามความฝันและเป้าหมายที่เธอวางไว้
“ไม่ต้องท้อ ไม่ต้องไปเปรียบกับใคร ทำทุกอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ เมื่อมีอุปสรรคระหว่างเดิน นั่งพัก หายเหนื่อย แล้วเดินต่อ” จ๊ะจ๋า กล่าวทิ้งท้าย

C-170222014131

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]