คอลัมน์ ด้วยสมองและสองมือ: ‘มทร.ธัญบุรี’ อัพไซคลิ่งขยะ ‘หน้ากากอนามัย’วัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งอาคาร-จัดสวน

สยามรัฐ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ชลธิชา ศรีอุบล กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี
หน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) ธัญบุรี นำขยะหน้ากากอนามัยเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์เป็นวัสดุเสริมแรงในการผลิตวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง และกระถางต้นไม้
ดร.ประชุม คำพุฒ หัวหน้าหน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เล่าว่า ปัจจุบันหน้ากากอนามัยมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิต เปรียบเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวตลอดเวลา โดยหน้ากากอนามัย แบ่งออกเป็น (1) หน้ากากอนามัยผ้าฝ้าย ใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลาย จากการไอหรือจาม แต่ไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้
(2) หน้ากากอนามัยใยสังเคราะห์ 3 ชั้นทำจากพอลิโพรไพลีน ใช้ในการกรองฝุ่น ป้องกันของเหลวซึมผ่าน และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากการไอหรือจาม และเชื้อโรคจำพวกเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้การกรองได้ไม่น้อยกว่า 95% ของอนุภาคขนาด 3 ไมครอน
(3) หน้ากากอนามัยชนิด N95 ได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุดมีคุณสมบัติป้องกันได้ทั้งฝุ่นละออง และเชื้อโรคที่มีขนาดอนุภาคเล็ก ได้ถึง 0.3 ไมครอน
ซึ่งหน้ากากทุกประเภทเมื่อใช้แล้วจะต้องทิ้งกลายเป็นขยะอันตรายที่ต้องกำจัดด้วยวิธีที่ปลอดภัย โดยก่อนทิ้งควรมีการพับเก็บให้เรียบร้อยและทิ้งอย่างถูกวิธี
จากข้อมูลหน่วยงานด้านสาธารณสุขให้ความรู้แนวทางการกำจัดว่า “หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ แต่พอทิ้งไปแล้วสามารถที่จะย่อยสลายเองได้ เนื่องจากใช้วัสดุที่ทำจากใยสังเคราะห์ถึงแม้จะมีการทิ้งมากขนาดไหน ก็จะไม่เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน
ส่วนหน้ากากอนามัยที่เป็นผ้าสามารถนำไปซักแล้วนำกลับมาใช้ได้เลย แต่ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยหรือ ผ้าที่ใช้แล้วจากโรงพยาบาล ให้ใช้วิธีกำจัดแบบเดียวกับการกำจัดขยะติดเชื้อของโรงพยาบาล โดยใช้ถุงพลาสติกสีแดงติดเครื่องหมายว่าเป็นขยะติดเชื้อ เก็บรวบรวมไว้ในที่เฉพาะกำจัดในเตาเผา และถ้าเป็นแบบที่ใช้แล้วจากสถานศึกษาหรือชุมชนต้องมีการแยกขยะใส่ถุงพลาสติก มีป้ายบอกชัดเจนว่า เป็นหน้ากากอนามัยหรือผ้า มัดถุงให้แน่น และแยกเก็บรวบรวมไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนกับขยะอื่น
ณ เวลานี้ หน้ากากอนามัยเป็นวัสดุสิ้นเปลือง และส่วนมากไม่ได้มีการติดเชื้อเพราะคนใส่เพื่อป้องกันตัวเองเป็นหลัก จึงเป็นที่น่าเสียดายหากนำไปกำจัดด้วยการเผาทิ้งแต่เพียงอย่างเดียว
หน่วยวิจัยฯ มีความเชี่ยวชาญกับการอัพไซเคิลวัสดุเหลือทิ้งต่างๆ มาใช้ประโยชน์โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ขยายผลไปสู่วิสาหกิจชุมชน หรืออสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วงนี้ถึงเวลาของการอัพไซคลิ่งขยะหน้ากากอนามัยที่เรียกได้ว่าเป็นขยะอันตรายกว่าขยะพลาสติกทั่วไป
จึงต้องกำจัดเชื้อโรคหรือทำความสะอาดหน้ากากอนามัยใช้แล้วในเบื้องต้น ด้วยการพ่นด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค แล้วอบไอน้ำแรงดันสูง ก่อนนำไปใช้งานเป็นวัสดุเสริมแรงในการผลิตวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งอาคาร จัดสวน เช่น บล็อกก่อผนังมวล เบาอิฐบล็อกประสาน บล็อกปูพื้น ฝ้า เพดาน ฯลฯ
โดยการนำข้อดีของขยะ หน้ากากอนามัยที่มีความเหนียวเป็นแผ่นใยผ้า หรือพลาสติกมาเสริมความแข็งแรงให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ได้ผลิตขึ้นจากกรรมวิธีการผลิตคอนกรีตโดยช่วยในด้านการรับแรงดึง แรงดัด และช่วยลดการแตกร้าวให้กับผลิตภัณฑ์ ตลอดจนมีน้ำหนักเบา และเป็นฉนวนความร้อนที่ดีขึ้นได้และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงาน DIY เป็นกระถางต้นไม้ ที่ประชาชนทั่วไป นักเรียนนักศึกษาสามารถประดิษฐ์ได้ง่ายด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและชุมชน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการนำไปต่อยอดขยายผลผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์หรือหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการให้ทีมงานไปถ่ายทอดองค์ความรู้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โทร.0-2549-3410

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]