เพิ่มมูลค่าขยะหน้ากากอนามัย ‘อัพไซเคิล’สู่วัสดุกระถางต้นไม้

ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
นักวิชาการหน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มทร.ธัญบุรี นำขยะหน้ากากอนามัยเหลือทิ้งมา “อัพไซเคิล” สร้างมูลค่าเพิ่ม โดยนำไปใช้ประโยชน์เป็นวัสดุเสริมแรงในการผลิตวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่งและกระถางต้นไม้
อาจารย์ประชุม คำพุฒ หัวหน้าหน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันหน้ากากอนามัยมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิต เปรียบเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวตลอดเวลา โดยหน้ากากอนามัยแบ่งออกเป็น 1.หน้ากากอนามัยผ้าฝ้าย ใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลาย จากการไอหรือจาม แต่ไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้
2.หน้ากากอนามัยใยสังเคราะห์ 3 ชั้น ทำจากพอลิโพรไพลีน ใช้ในการกรองฝุ่น ป้องกันของเหลวซึมผ่าน และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากการไอหรือจาม และเชื้อโรคจำพวกเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ การกรองได้ไม่น้อยกว่า 95% ของอนุภาคขนาด 3 ไมครอน
3.หน้ากากอนามัยชนิด N95 ได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด มีคุณสมบัติป้องกันได้ทั้งฝุ่นละออง และเชื้อโรคที่มีขนาดอนุภาคเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน ซึ่งหน้ากากทุกประเภทเมื่อใช้แล้วจะต้องทิ้งกลายเป็นขยะอันตรายที่ต้องทำการกำจัดด้วยวิธีที่ปลอดภัย โดยก่อนทิ้งควรมีการพับเก็บให้เรียบร้อยและทิ้งอย่างถูกวิธี
จากข้อมูลของหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข ให้ความรู้แนวทางการกำจัดว่า “หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ แต่พอทิ้งไปแล้วสามารถที่จะย่อยสลายเองได้ เนื่องจากใช้วัสดุที่ทำจากใยสังเคราะห์ ถึงแม้จะมีการทิ้งมากขนาดไหนก็จะไม่เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน
ส่วนหน้ากากอนามัยที่เป็นผ้าสามารถนำไปซักแล้วนำกลับมาใช้ได้เลย แต่ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยหรือผ้าที่ใช้แล้วจากโรงพยาบาล ให้ใช้วิธีกำจัดแบบเดียวกับการกำจัดขยะติดเชื้อของโรงพยาบาล โดยใช้ถุงพลาสติกสีแดงติดเครื่องหมายว่าเป็นขยะติดเชื้อ เก็บรวบรวมไว้ในที่เฉพาะ กำจัดในเตาเผา และถ้าเป็นแบบที่ใช้แล้วจากสถานศึกษาหรือชุมชน ต้องมีการแยกขยะใส่ถุงพลาสติก มีป้ายบอกชัดเจนว่า เป็นหน้ากากอนามัยหรือผ้า มัดถุงให้แน่น และแยกเก็บรวบรวมไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนกับขยะอื่น”
เวลานี้ หน้ากากอนามัยเป็นวัสดุสิ้นเปลือง และส่วนมากก็ไม่ได้มีการติดเชื้อ เพราะคนใส่เพื่อป้องกันตัวเองเป็นหลัก จึงเป็นที่น่าเสียดายหากนำไปกำจัดด้วยการเผาทิ้งแต่เพียงอย่างเดียว หน่วยวิจัยฯ มีความเชี่ยวชาญกับการอัพไซเคิล (upcycle) หรือการนำขยะหรือวัสดุเหลือทิ้งต่างๆ มาผลิตให้เป็นของใช้ที่มีมูลค่าและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเดิม
โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ขยายผลไปสู่วิสาหกิจชุมชน หรืออสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วงนี้ถึงเวลาของการอัพไซคลิ่งขยะหน้ากากอนามัยที่เรียกได้ว่าเป็นขยะอันตรายกว่าขยะพลาสติกทั่วไป จึงต้องทำการกำจัดเชื้อโรคหรือทำความสะอาดหน้ากากอนามัยใช้แล้วในเบื้องต้นด้วยการพ่นด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค แล้วอบไอน้ำแรงดันสูง ก่อนนำไปใช้งานเป็นวัสดุเสริมแรงในการผลิตวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งอาคาร จัดสวน เช่น บล็อกก่อผนังมวลเบา อิฐบล็อกประสาน บล็อกปูพื้น ฝ้าเพดาน ฯลฯ
โดยการนำข้อดีของขยะหน้ากากอนามัยที่มีความเหนียวเป็นแผ่นใยผ้าหรือพลาสติก มาเสริมความแข็งแรงให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้ผลิตขึ้นจากกรรมวิธีการผลิตคอนกรีต โดยช่วยในด้านการรับแรงดึง แรงดัด และช่วยลดการแตกร้าวให้กับผลิตภัณฑ์ ตลอดจนมีน้ำหนักเบา และเป็นฉนวนความร้อนที่ดีขึ้นได้ และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงาน DIY เป็นกระถางต้นไม้ ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา สามารถประดิษฐ์ได้ง่ายด้วยตนเอง ทั้งนี้ผู้ประกอบการและชุมชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการนำไปต่อยอดขยายผลผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ หรือหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการให้ทีมงานไปถ่ายทอดองค์ความรู้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โทร. 0-2549-3410.

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]