posttoday.com ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562
“คณะบริหารธุรกิจ” ในแบบฉบับ “เทคโนโลยีราชมงคล” กับ ผศ.ดร.นาถรพี ชัยมงคล คณบดีผู้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
“คณะบริหารธุรกิจ” เป็นคณะที่มีอยู่แทบจะทุกสถาบันการศึกษา และเป็นคณะยอดนิยมที่มีหลายสาขาวิชาที่อยู่ในความต้องการของตลาดแรงงาน วันนี้จึงอยากแนะนำให้รู้จักคณะบริหารธุรกิจ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีการจัดการศึกษา วิชาการ และวิชาชีพชั้นสูงที่เน้นการปฏิบัติ ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญเอก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นาถรพี ชัยมงคล คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) กล่าวว่า คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ได้เปิดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ พ.ศ.2518 โดยได้มีการปรับปรุงหลักสูตรมาโดยลำดับเพื่อให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์โลก และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี มีหลักสูตรครบถ้วนทุกระดับ ได้แก่ หลักสูตรปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติปริญญาตรี หลักสูตรปริญญาโท (MBA) หลักสูตรปริญญาเอก สามารถผลิตบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
“ในปีการศึกษา 2562 คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ได้เปิดหลักสูตร Double Degree ซึ่งเป็นหลักสูตรนานาชาติปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ โดยได้ทำ MOU กับ Wuhan University สาธารณรัฐประชาชนจีน และในปีการศึกษา 2563 จะมีการเปิดหลักสูตร Double Degree 2+2 สำหรับนักศึกษาปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติ สาขาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งได้ทำ MOU กับ University of Derby พร้อมหลักสูตร Double Degree 1+1 สำหรับนักศึกษา MBA ซึ่งได้ทำ MOU กับ University of Northampton สหราชอาณาจักร”
นอกจากการปรับปรุงและการพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ยังได้มุ่งเน้นในการผลิต “บัณฑิตนักปฏิบัติ” ที่มีความพร้อมในการทำงานทันทีที่จบการศึกษา และเพื่อให้การลงมือปฏิบัติสัมฤทธิ์ผล คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ได้สร้างห้องปฏิบัติการ ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการโปรแกรม SAP ห้องปฏิบัติการลงทุนและวิเคราะห์หลักทรัพย์ ห้อง Smart Classroom ห้องปฏิบัติการทักษะและการสื่อสารภาษาอังกฤษ และห้องปฏิบัติการโลจิสติกส์ หรือห้อง Simulation ที่ใช้โปรแกรม Arena เพื่อใช้จำลองสถานการณ์การแก้ปัญหา โปรแกรม GIS, Microsoft Excel Solver เพื่อให้นักศึกษาฝึกวางแผนในการขนส่งและการบริหารค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งจัดให้มีการเสริมสมรรถนะโดยการสนับสนุนนักศึกษาทุกสาขาวิชาสอบ The Internet and Computing Core (IC3) Certificate เพื่อเป็นมาตรฐานในการรับรองความรู้ความสามารถด้านการใช้คอมพิวเตอร์ สร้างความชำนาญและความสามารถด้านภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาด้วยการเสริมทักษะด้าน TOEIC ตลอดถึงการสอบผ่านมาตรฐานวิชาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ ในสาขาวิชาชีพด้านโลจิสติกส์ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นาถรพี ยังได้กล่าวถึงนโยบายด้านการฝึกประสบการณ์ในการทำงานให้แก่นักศึกษาว่า นอกจากการให้นักศึกษาได้ฝึกสหกิจศึกษากับองค์กรชั้นนำภายในประเทศแล้ว ทางคณะฯ ยังได้มีทุนให้กับนักศึกษาที่ต้องการฝึกงานในต่างประเทศ ทุนละ 50,000 บาท ทุนสำหรับโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา (ฝึกประสบการณ์ต่างประเทศ) ทุนละ 20,000 บาท และทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และสนับสนุน ส่งเสริม ตลอดจนหาเวทีเพื่อให้นักศึกษาได้เข้าแข่งขันด้านวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำความรู้ด้านวิชาการที่เรียนมาสู่การปฏิบัติในรูปแบบของการแข่งขันกับเพื่อต่างสถาบัน ซึ่งที่ผ่านมานักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลทั้งในระดับชาติและระดับโลกมาแล้วหลายรางวัล
การพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ภายใต้การนำของคณบดีผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลท่านนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี เท่านั้น แต่ท่านยังได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับคนไทย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำการค้าหรือทำธุรกิจระหว่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อดีตอธิการบดี มทร.ธัญบุรี ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในการทำ MOU ความร่วมมือทางด้านวิชาการกับ Auckland University of Technology (AUT )ประเทศนิวซีแลนด์ โดยการจัดตั้ง Thai-New Zealand Centre (TNZC) ณ ศูนย์นวัตกรรมและความรู้ มทร.ธัญบุรี (RMUTT Innovation and Knowledge Center) ชั้น 7 อาคารบางซื่อจังชั่น (DD Mall) การเรียนการสอนของ TNZC ในระยะแรกจะมุ่งเน้นการพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน แกรมมา จึงเหมาะสำหรับนักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไป และการจัดการศึกษาในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก รวมถึงการฝึกอบรมระยะสั้น 6-12 เดือนในอนาคต โดยมุ่งเน้นในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นสาขาที่ AUT ได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับต้นๆ ของโลกด้วย
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะ Digital Disruption ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงและการล่มสลายของหลายธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ วันนี้ทุกสถาบันการศึกษาต้องพร้อมรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงและต้องก้าวทันกับการสถานการณ์โลกเพื่อความอยู่รอด ทั้งการพัฒนาหลักสูตร การปรับรูปแบบการเรียนการสอน การเข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ๆ ตลอดจนการแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรภายนอก และเป็นช่วงเวลาของการพิสูจน์ ความเป็นนักบริหารการศึกษาในห่วงเวลาแห่ง Disruption โดยแท้
