ข่าวสด (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561
พิชัย ศรีรุ่งเรือง
หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Tanyarat Saimai” ได้โพสต์คลิปสิ่งประดิษฐ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เครื่องแยกเหรียญอัจฉริยะ เมื่อเร็วๆ นี้ มีประชาชนชื่นชมและให้ความสนใจจำนวนมาก
ต่อมา ดร.รสริน เจิมไธสง ผอ.โรงเรียน สาธิตนวัตกรรมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พร้อมด้วย นางสาวธัญญารัตน์ สายใหม่ ครูประจำวิชาเทคโนโลยีและพลังงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียน และ ด.ช.ภูรวิช ทองสุขศรี หรือ “น้องภู”อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 ของโรงเรียน ได้นำ ผลงานประดิษฐ์เครื่องแยกเหรียญมาแสดงให้ดู พร้อมบอกถึงกลไกการทำงานต่างๆ
โดยเครื่องแยกเหรียญดังกล่าว ประกอบไปด้วย กล่องกระดาษ อะครีลิก มอเตอร์เกียร์ รางถ่านแบบ 2 ก้อน ถ่านขนาด เอเอ 2 ก้อน สวิตช์ สายไฟ และนอต จากนั้นก็นำกล่องกระดาษมาตัดตามแบบ ที่ได้ทำไว้ ซึ่งเครื่องแยกเหรียญดังกล่าวสามารถแยกเหรียญ 1 บาท 2 บาท 5 บาท และเหรียญ 10 บาท ได้อย่างง่ายดาย
สำหรับขั้นตอนการทำงานจะมีช่องใส่เหรียญ มีใบพัดหมุน เพื่อนำเหรียญขึ้นมาวิ่งไปตามราง โดยตัดช่องให้เหรียญที่มีขนาดแตกต่างกันหล่นลงไปตามช่องที่พอดีกับเหรียญนั้นๆ
“ผมเห็นแม่ค้าที่ร้านสหกรณ์นั่งนับเหรียญที่มีจำนวนมากอยู่ และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่คุณครูให้ประดิษฐ์และคิดค้นเครื่องมือที่เกี่ยวกับมอเตอร์ จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพ่อและคิดค้นเครื่องแยกเหรียญเครื่องนี้ขึ้นมา โดยต้นทุนในการผลิตเครื่องแยกเหรียญนี้ มีราคา 110 บาทครับ” น้องภูกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการคิดเครื่องแยกเหรียญนี้ขึ้นมา
ครูธัญญารัตน์ เจ้าของเฟซบุ๊ก “Tanyarat Saimai” กล่าวถึงผลงานประดิษฐ์ของลูกศิษย์ด้วยความภาคภูมิใจว่า ผลงานชิ้นนี้มาจากวิชาเทคโนโลยีและพลังงาน เพราะวิชานี้จะไม่มีหนังสือ แต่ครูจะเป็นคนที่บริหารจัดการในลักษณะของชิ้นงานโครงงาน ลักษณะคือดึงความเป็นนวัตกรของเด็ก แต่ว่าชิ้นงานนี้ริเริ่มมาจากเรื่องเครื่องบินไม้ไอติม คือ เขาได้เรียนเรื่องการใช้มอเตอร์ พอทำมอเตอร์เสร็จ นักเรียนเริ่มทำชิ้นงานอีกชิ้นหนึ่ง จากวัสดุเหลือใช้ เป็นไมโครเวฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ กลายเป็นความคิดรวบยอดว่า คุณครูให้ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ 1 ชิ้น คือ ต้องมีมอเตอร์ และวัสดุเหลือใช้เอามาประกอบรวมกัน
เมื่อนักเรียนสามารถออกแบบได้อย่างอิสระตามคำแนะนำของคุณครู นักเรียนจึงได้มีความคิดในการผลิตเครื่องแยกเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นแนวความคิดที่ดี ซึ่งทางโรงเรียนก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังต้องมีการวางแผนพัฒนาผลงานอีก เนื่องจากพบปัญหาของตัวมอเตอร์ และโครงสร้างของกล่องกระดาษที่ยังไม่มีความแข็งแรง
ส่วนเรื่องการพัฒนาผลงานเพื่อจะจดลิขสิทธิ์นั้น คงต้องมีการประชุมกับทางโรงเรียน และทางผู้ปกครองของเด็กก่อน เบื้องต้นขณะนี้ได้เตรียมผลงานของเด็กส่งเข้าประกวดในโครงการงานศิลปหัตถกรรม ในระดับเขต และเตรียมปรับและพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไป
